สองศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญผนึกกำลังพัฒนา Functional & Future Food ยกระดับอาหารไทยสู่มาตรฐานสากล

รองศาสตราจารย์ ดร. สุทธิพันธุ์ แก้วสมพงษ์ ผู้บริหารศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์เพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร. พรรณี สวนเพลง ผู้บริหารศูนย์รวมผู้เชี่ยว ชาญด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร และ ดร. ชยพล ผู้พัฒน์ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประกาศความร่วมมือในเชิงวิชาการในการพัฒนานวัตกรรม Functional & Future food เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารไทยให้เป็น “อาหารไทยในตำนาน อร่อยสุขภาพดี มีประโยชน์” ความร่วมมือดังกล่าวมุ่งเน้นการนำพืช ผัก และสมุนไพรท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพ โดยใช้นวัตกรรมพรีไบโอติก (Prebiotics) และโพรไบโอติก (Probiotics) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมการเจริญของจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และสนับสนุนสุขภาพโดยรวม

การประเมินคุณค่าทางโภชนาการของอาหารพื้นบ้านไทยภายใต้แนวคิด Gastro Low Carbon ซึ่งให้ความสำคัญกับวัตถุดิบ “ต้นทาง” จากชุมชนท้องถิ่น โดยเน้นการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การแปรรูป ไปจนถึงการบริโภค ผลการศึกษาพบว่า เมนูพื้นบ้าน เช่น แกงส้มผักบุ้งปลาช่อน และยำสมุนไพรพื้นถิ่น มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็นอาหารคาร์บอนต่ำ โดยเฉพาะเมื่อเสริมด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ เช่น การหมักด้วยจุลินทรีย์โพรไบโอติก ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าทางโภชนาการและยืดอายุการเก็บรักษา หนึ่งในผลลัพธ์สำคัญของโครงการ คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมอาหารไทยเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ อาทิ ขนมไทยผสมโพรไบโอติกจากข้าวกล้องงอกและสมุนไพร และเครื่องดื่มฟังก์ชันจากผักพื้นบ้านเสริมพรีไบโอติก ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผ่านการประเมินทั้งในห้องปฏิบัติการและพื้นที่ชุมชนนำร่อง พบว่ามีปริมาณใยอาหารสูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) การพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมดังกล่าวไม่เพียงเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน แต่ยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร ด้วยการนำเสนออัตลักษณ์อาหารไทยในมุมมองใหม่ที่เชื่อมโยงภูมิปัญญาดั้งเดิมเข้ากับองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยุคใหม่อย่างลงตัว

รองศาสตราจารย์ ดร. สุทธิพันธุ์ แก้วสมพงษ์ กล่าวว่า “เทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์จะช่วยแปลงวัตถุดิบท้องถิ่นให้เป็นฟิวเจอร์ฟู้ด ลดการพึ่งพาการนำเข้า และสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ในระยะยาว” ขณะที่รองศาสตราจารย์ ดร. พรรณี สวนเพลง กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมและนวัตกรรมเพื่อทำให้อาหารไม่ใช่แค่อร่อย แต่ยังทำหน้าที่ป็นทั้งยาและเครื่องมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ยั่งยืน” จากความร่วมมือดังกล่าวคาดว่าจะเกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนและผู้ประกอบการ SME เพื่อยกระดับมูลค่าเศรษฐกิจฐานราก พร้อมขยายผลสู่การท่องเที่ยวเชิงอาหารในรระดับนานาชาติ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. Facebook Page: https://www.facebook.com/pannee.suanpang
  2. Matichon Online: https://www.matichon.co.th/publicize/news_5459034
  3. Naewna Online: https://www.naewna.com/relation/928147/preview